Iceland Summer Roadtrip รอบไอซ์แลนด์ในฤดูร้อน

พอนึกถึงไอซ์แลนด์ เราก็จะนึกถึงแสงเหนือ ถ้าเป็นฤดูร้อน ไอซ์แลนด์ก็สวยมากๆไม่แพ้กันเลย และไอซ์แลนด์มีครบจบทุกอย่าง ทั้งทุ่งดอกไม้ที่บานไปทั้งเกาะ ภูเขาไฟ น้ำตกสุดอลังและทุ่งหญ้าเขียวขจี แสงอาทิตย์เกือบตลอด 24 ชั่วโมง และไฮไลท์เด็ดที่สุดที่ทำให้เราหลงหลักเกาะนี้ก็คือ นกพักฟินนั่นเอง ซึ่งจะเห็นได้เฉพาะฤดูร้อนเท่านั้น

เดือนมิถุนายน กรกฏาคม คือช่วงพีคของไอซ์แลนด์ฤดูร้อนเลย ซึ่งก็คือช่วงนี้นั่นเอง ข่าวดีคือตอนนี้ถ้าฉีดวัคซีนครบแล้ว ไม่ว่าจะเป็น Sinovac หรือ AstraZeneca สามารถไปไอซ์แลนด์ได้โดยไม่ต้อง Quarantine แต่ขากลับเข้าไทยยังโดน 14 วันอยู่นะครับ 55

มาดูกันว่า Roadtrip วนรอบไอซ์แลนด์ฉบับฤดูร้อน จะพาเราไปพบความประทับใจอะไรบ้าง

Stop แรกหลังจากลงเครื่อง เราก็ขับรถ 2 ชั่วโมงเศษๆ มุ่งหน้าไป Kirkjufell ทันที ปกติเที่ยวบินจากยุโรปจะถึงไอซ์แลนด์ตอนบ่าย และพระอาทิตย์ตกตอนเที่ยงคืน มีเวลาเหลือเฟือที่จะไปเก็บแสงเย็นให้ทัน และถ่ายแสงเช้าต่อได้เลย

ทุ่งดอกลูปินข้างทางก่อนถึง Kirkjufell
จาก Kirkjufell เราก็มุ่งหน้า Westfjord โดยข้ามเรือ ferry ไปทักทายนกพัฟฟินที่ Latrabjarg
นกพัฟฟินที่นี่มีเยอะจริงๆ มีให้ชมได้ทั้งวัน ภาพนี้เป็นนกพัฟฟินกับแสงแรกของวันตอนตีสอง ฟ้ายังชมพูอยู่เลย
จุดนี้จะเห็นนกจับปลาได้ยากหน่อย เพราะเราอยู่ตรงยอดหน้าผา และส่วนใหญ่รังของพัฟฟินจะอยู่ตามริมหน้าผาด้านล่าง
อีกจุดหมายหนึ่งใน Westfjord คือ Dynjandi ม่านน้ำตกใหญ่ที่สวยมากๆ เป็นชุดที่ไม่ควรพลาดถ้ามาตอนหน้าร้อนเลย
ขับกลับมาที่ Ring road ตอนแรกแพลนว่าจะไปถ่ายหินไดโนเสาร์ Hvitserkur แต่อากาศไม่ค่อยดี เลยเปลี่ยนมาถ่ายน้ำตกแทน ใกล้ๆกันนี้มีน้ำตกเล็กๆแต่สวยมาก อยู่ใน Kolugljúfur Canyon จิ้ม Google Maps ได้เลย มาง่ายมากๆ
น้ำตกที่ต้องมาในฤดูร้อน เพราะน้ำจะเยอะมาก และทรงพลังมาก ก็คือ Dettifoss น้ำตกที่อยู่ในฉากเปิดของหนัง Prometheus
ขับต่อไปจนถึงทางตะวันออกของประเทศ มาดูนกพัฟฟินกันอีกจุดที่ Borgarfjörður Eystri จุดนี้เราได้นกจับปลาสมใจ แต่ต้องใช้เลนส์ซูมไกลหน่อย
ถ่ายนกพัฟฟินตอนกลางวันที่ Borgarfjörður Eystri ขับต่อลงมา Hofn ก็ทันถ่ายแสงเย็นที่ Vestrahorn/Stokksnes พอดี แต่เป็นแสงเย็นเกือบๆเที่ยงคืนเช่นเคย
วนเส้นทางใต้มาเรื่อยๆ ถ้าเป็นฤดูร้อนเราก็ค่อนข้างโฟกัสไปที่ทุ่งดอกลูปิน ซึ่งมีเยอะมากจริงๆ และจุดไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาดก็คือโบสถ์เมือง Vik ที่มีทุ่งลูปินอยู่ได้อย่างเหมาะเจาะมากๆ
ใกล้ๆกัน เราวกไปที่ Skogar ซึ่งมีน้ำตก Skogafoss และน้ำตก Kvernufoss น้ำตกเล็กๆแต่มุมเยอะ
Kvernufoss เราสามารถเดินไปด้านหลังได้ มอสที่นี่เขียวมากๆ สีเดียวกับทุ่งหญ้าด้านหลังเลย
Skogafoss ใครที่มาก็ต้องถ่ายรูปคู่กับม่านน้ำตกยักษ์ ไม่มีที่ใดในโลกที่ได้ฉากหลังแบบนี้เลย
วนขึ้นไปแถบ Geysir ที่โซนนี้นักท่องเที่ยวจะรู้จักกันดี ส่วนมากคนจะแวะ Gullfoss และน้ำพุร้อน Strokkur น้ำตกสีฟ้าเล็กๆอีกแห่งที่เราต้องแวะไปทุกครั้งก็คือ Bruarfoss ซึ่งตอนนี้ได้ทำ trail ค่อนข้างชัดเจนจากถนนใหญ่ แต่เดินไกลขึ้นอีกหน่อย
แม้ว่าเป็นฤดูร้อน แต่การแช่น้ำถ่ายรูปก็ทำให้เท้าชาไปเลย
น้ำพุร้อน Strokkur ที่คนเยอะแทบจะตลอดเวลา
ก่อนขึ้นเครื่องกลับ เรามีเวลาอีกหน่อย เลยแวะมาดูพัฟฟินที่ Dyrhólaey โชคดีได้รูปหมู่พัฟฟิน 55 มาเป็นทีม
Arch ริมทะเลที่ Dyrhólaey
แม้ว่า Iceland จะอยู่ต่ำกว่า Arctic Circle ทำให้ไม่มีพระอาทิตย์เที่ยงคืน แต่ก็ถือว่าสว่างแทบจะทั้งวัน พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปนิดเดียวก็โผล่ขึ้นมาใหม่แล้ว ช่วงหน้าร้อนนี้เราก็เลยไม่เห็นแสงเหนือเลยเพราะฟ้าไม่เคยมืด แต่ก็มีอะไรหลายอย่างน่าตื่นตาตื่นใจให้ชม ขอบคุณที่ติดตามมาจนจบ ฝาก like ฝาก share เป็นกำลังใจด้วยนะครับ