สร้าง Mood ของแสงให้กับภาพด้วย Light Bleeding ง่ายๆใน 3 ขั้นตอน

เราอาจจะเคยได้เห็นภาพที่มีลักษณะแสงฟุ้งๆมาจากด้านข้างของภาพ เป็นสีโทนอุ่นบ้าง ส้มบ้าง เหมือนเป็น flare บางๆ ซึ่งจะทำให้ภาพดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้น ช่างภาพต่างประเทศหลายคนก็ชอบใช้เทคนิคนี้มาทำให้ภาพโดดเด่นมากขึ้น เรียกว่า Light Bleeding จริงๆแล้วสถานการณ์แบบนี้สามารถเกิดขึ้นได้จริงถ้าแสงทำมุมอย่างพอเหมาะ และแสงฟุ้งจะเด่นมากขึ้นถ้ามีสภาพอากาศเป็นใจ เช่น มีละอองน้ำ มีหมอกบางๆฟุ้งอยู่

แต่ก็คงไม่ใช้ทุกสถานการณ์ที่เราจะได้แสงฟุ้งตั้งแต่ตอนถ่ายเลย หากภาพของเราไม่มีแสงฟุ้ง แต่เราอยากได้ฟุ้งบ้างนิดหน่อย หรือถ้ามีพระอาทิตย์อยู่ในเฟรมอยู่แล้ว และอยากให้ตรงนั้นมันฟุ้งมากขึ้น เหมือนเป็นแสง flare จ้าๆก็สามารถทำได้อย่างง่ายๆเลย Tutorial นี้จะมาสอนทำแสงฟุ้งแบบง่ายๆโดยใช้ Brush ใน Photoshop กันครับ

เทคนิคนี้สามารถทำใน Lightroom ได้ โดยการใช้ Radial Filter แล้วปรับค่า Exposure, Highlight และลด Dehaze ได้ตามชอบ แต่การควบคุมสีจะทำได้ยากกว่า

ที่สำคัญมากๆคือพยายามคุมมือของตัวเอง อย่าใส่ฟุ้งจนเยอะเกินไปนะครับ เทคนิคนี้บางคนอาจจะไม่ถูกใจ ซึ่งก็แล้วแต่ความชอบส่วนตัวครับ แต่ละคนชอบสไตล์ของภาพไม่เหมือนกันครับ

ถ้าใครคุ้นเคยกับการทำ dodge burn อยู่แล้ว จริงๆมันคือหลักการเดียวกันเลย เพียงแค่เพิ่มความหนักเบาและลูกเล่นของสีให้มากขึ้น

ขั้นตอนแรก เราต้องสร้าง layer ใหม่ขึ้นมา และปรับ Blending mode จากเดิม Normal เรามีตัวเลือกอีก 2 อย่างที่แนะนำคือ Soft Light และ Overlay

การทำแสงฟุ้ง สามารถเลือกทำใน layer blending mode ใดก็ได้ หลักๆเราใช้ 3 mode นี้
✅Normal: จะไม่มีการ blend ใดๆ ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ จะเป็นการใส่สีลงไปเต็มๆ เน้นคุม opacity เพื่อความเรียบเนียน
✅Soft light: สีที่เรา brush ลงไปจะถูก blend เข้าไป สีจางลง และเพิ่ม contrast เล็กน้อย
✅Overlay: คล้ายกับ soft light แต่จะมี contrast ที่หนักกว่า

หลักการของ soft light คือ ถ้าเกิดสีใดที่เรา brush เข้าไป สว่างกว่าเทา 50% มันจะถูกใช้การ blend แบบ lighten ส่วนสีใดมืดกว่าเทา 50% ก็จะถูก darken แทน
สำหรับ overlay จะคล้ายกับ soft light แต่เปลี่ยนมาเป็น blend แบบ screen และ multiply แทน

ขั้นตอนที่ 2 เลือกสีที่ต้องการ Brush หรือเราจะเรียกว่าเป็นการเลือกสีเพื่อวาด (paint) ลงไปก็ได้ โดยจะจิ้มสีที่มีอยู่ในภาพ เช่น สีตรงใกล้ๆจุดที่จะเป็นแสงฟุ้ง เพื่อให้ได้โทนใกล้เคียงกัน พอได้โทนแล้ว ก็ fine tune เพิ่มเติมอีกหน่อย เช่น เลือกสีที่สว่างมากขึ้น หรือสีที่สดมากขึ้น

ขั้นตอนที่ 3
ต่อไปก็เลือกเครื่องมือ Brush แล้วตั้งค่า brush opacity ประมาณ 10-20% แต่ถ้าใช้เมาส์ปากกา เช่น wacom สามารถตั้งค่า brush opacity เพิ่มมากกว่านี้ได้ แล้วไปคุมที่แรงกดตอน brush แทน หรือจะตั้ง flow ตามชอบก็ได้

จากนั้นก็ได้เวลา brush แสงฟุ้งลงในบริเวณที่เราต้องการแล้ว

สามารถใช้ brush ขนาดเล็กใหญ่ สลับกัน brush หลายๆที หรือเพิ่ม layer แยกกันระหว่าง brush เล็กและใหญ่ หรือจะเลือกสีที่หลากหลายโทนมากขึ้น และแยก layer กันก็ได้ และเราอาจจะใช้ layer mask คุมให้แสงฟุ้งอยู่ในบริเวณที่ต้องการอีกที

เพียงเท่านี้เราก็จะได้แสงฟุ้งมาแบบง่ายๆแล้ว

ในภาพนี้เราเริ่มต้นด้วย Blending mode แบบ Normal และใช้ brush ขนาด 400px opacity 20% ทาไป 1 layer และสร้าง layer ใหม่ ปรับ brush ขนาด 1200px opacity 20% แล้วทาไปอีกรอบ

มาดูผลลัพธ์ของการใช้สีเดียวกัน และลองเปลี่ยน blend แบบต่างๆเข้าไป โดยที่ brush จำนวนครั้งเท่ากัน และใช้ brush opacity เท่ากัน สังเกตว่าการใช้ blending mode แบบ normal นั้นจะดูให้ความฟุ้งมากที่สุด แต่ของ soft light และ overlay นั้นไม่ค่อยฟุ้ง อาจจะต้อง brush หลายๆรอบ

ทีนี้มาลอง brush ไปเรื่อยๆให้ได้ความหนักที่คล้ายๆกัน เพราะหากเรา brush เข้าไปหลายๆครั้ง และเปลี่ยน brush opacity และเล่นกับ layer opacity ต่ออีก ก็จะได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น

ถ้าใช้ Normal จะต้องลด opacity ลงมาค่อนข้างเยอะ จะลด brush opacity หรือ layer opacity ก็ได้ และความฟุ้งที่ได้ก็จะนวลกว่า (เพราะมันไม่ได้ถูก blend นั่นเอง)

สังเกตว่าผลลัพธ์ของทั้ง 3 mode นั้นไม่เหมือนกัน
การใช้ normal จะได้ความฟุ้งมาก แต่ contrast ต่ำที่สุด
พอใช้ softlight ก็ฟุ้งบ้าง แต่ไม่มากเท่า และได้ contrast เพิ่มเข้ามา ถ้าอยากได้ฟุ้งมากขึ้นก็สามารถ brush เข้าไปหลายๆครั้งได้
และการใช้ overlay จะแทบไม่ค่อยฟุ้งเลย และ contrast เยอะที่สุด บางทีการใช้ overlay อาจจะต้องเบาๆมือลง

เราสามารถเลือกสไตล์ที่ชอบ หรือผลลัพธ์จากทั้ง 3 mode มาผสมกันในภาพเดียวได้

Before/After

ตัวอย่างภาพที่ใช้ Light Bleeding